การเลี้ยงปลาทอง

 

หากเปรียบเทียบปลาทองกับปลาชนิดอื่น ๆ ที่มนุษย์นำมาเลี้ยงเพื่อเป็นปลาสวยงามแล้ว ปลาทองจัดได้ว่าเป็นปลาซึ่งค่อนข้างจะเลี้ยงง่ายโตไวและเป็นปลาที่มีความอดทนอยู่พอสมควร แต่ถ้านำไปเปรียบกับปลาสวยงามประเภทอื่นๆแล้วละก็ ปลาทองค่อนข้างจะเป็นปลาที่แสนจะเปราะบางไปเลย สาเหตุเนื่องจากปลาทองเป็นปลาซึ่งมิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นปลาที่มนุษย์ผสมคัดพันธุ์ขึ้นมา โดยนำปลาที่มีลักษณะผ่าเหล่ามาผสมพันธุ์กันจนได้ลูกปลาซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะออกไป หรือจะเรียกว่าเป็นปลาที่มีลักษณะพิกลพิการก็ได้ ซึ่งปลาเหล่านี้จะมีลักษณะค่อนข้างเปราะบางกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม ปลาทองจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลยเมื่อถูกปล่อยให้อยู่ร่วมสังคมกับปลาชนิดอื่น (สังเกตุไหมครับ? ปลาทองส่วนมากจะเลี้ยงอยู่แต่กับเฉพาะพวกเดียวกัน) เช่น อาจโดนตอดจนเกล็ดหลุด หรือ อาจจะตายได้! ฉนั้นเราคงก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงปลาทองให้ประสบผลสำเร็จกันหน่อยล่ะ

เทคนิควิธีการเลี้ยงปลาทองหากจะว่ากันไปแล้ว การเลี้ยงปลาทองไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะปลาชนิดนี้จัดได้ว่าเป็นปลาที่มีน้ำอดน้ำทนอยู่แล้ว ที่สำคัญตอนซื้อต้องระวังปลาที่ป่วยอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งสำคัญมากถ้าเรานำปลาป่วยมาจะเลี้ยงดีแค่ไหนก็มีสิทธิตายได้ถ้ารักษาไม่เป็น หรือ ป่วยหนักเกินเยียวยา

เทคนิคการเลี้ยงปลาทองให้อยู่กับเรานาน ๆ มีหลักพื้นฐาน ๆ อยู่ 3 ข้อ

ข้อที่ 1 เลี้ยงจำนวนไ่ม่มากนัก โดยดูความเหมาะสมจากภาชนะที่ใช้เลี้ยง

โดยทั่วไปเรามักจะเลี้ยงปลาทองกันแบบจำนวนมาก ๆ ในตู้ ซึ่งจะดูแออัดอยู่สักหน่อย ตู้ที่นิยมเลี้ยงส่วนมากเป็นตู้ 60 ซม.(24นิ้ว) หากไม่ค่อยประดับอะไรในตู้มากมายก็อาจจะเลี้ยงปลาทองที่มีความยาว 3 - 4 ซม. สัก 7 - 8 ตัว

ปลาทองหายใจโดยการใช้เหงือก โดยฟอกเอา "ออกซิเจน" จากในน้ำไปดำรงชีวิต หากในน้ำมีจำนวนสารละลายเข้มข้นมากเกินไป (เช่น คลอรีน) อาจจะทำให้ปลาทองตายได้ และหากว่าสถานที่เลี้ยงคับแคบจนเกินไป ผู้เลี้ยงก็จะเห็นพวกมันลอยคอเชิดจมูกพะงาบพะงาบคลายกับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด่วน

ขนาดของเครื่องช่วยหายใจ หรือที่เราเรียกว่า "แอร์ปั้ม" นั้น หากว่ามีขนาดใหญ่ก็จะทำให้พื้นที่เลี้ยงสามารถรองรับจำนวนของปลาได้มาก จากที่กล่าวมาว่าขนาดของตู้เลี้ยงที่ขนาด 60 ซม. หากใช้เครื่องแอร์ปั๊มที่มีขนาดใหญ่ก็จะสามารถเลี้ยงปลาทองได้ถึง 15 - 20 ตัว ซึ่งเป็นปริมาณที่กำลังพอดี ไม่มาก ไม่น้อย (แต่ควรคำนึกถึงเรื่องระบบกรองด้วย เพราะยิ่งเลี้ยงมาก น้ำยิ่งสกปรกเร็วเนื่องจากการขับถ่ายของปลา)

ในกรณีที่ผู้เลี้ยงไม่ได้ให้ "แอร์ปั้ม" ช่วยเหลือก็อาจจะต้องพึ่งพื้นผิวน้ำที่กว้าง เพราะหากปลาตัวใหญ่แต่ผิวหน้าน้ำน้อย ปลาก็จะหายใจลำบาก อึดอัด และเครียด ส่วนเรื่องความลึกนั้นไม่เกี่ยวกับการหายใจลำบากแต่อย่างใด

เมื่อปลาเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นผู้เลี้ยงควรคำนึงถึงการขยับขยายปลาในตู้ เพราะหากปลาใหญ่แต่พื้นที่เลี้ยงเท่าเดิมไม่ดีแน่ ผลเสียจะตามมาให้ปวดหัวกัน ไม่ว่าจะเป็นปลาป่วย ปลาเครียด น้ำสกปรกเร็ว เ็ป็นต้น

การเลี้ยงปลาทองด้วยจำนวนที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป จึงจัดเป็นการเลี้ยงที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ ครับ

ข้อที่ 2 อย่าให้อาหารมากเกินไป

คุณรู้หรือไม่? การให้อาหารปลาทองมากเกินไป นำมาซึ่งปัญหา ปลาเสียการทรงตัว ปลาว่ายหัีวทิ่มตลอด ปลานอนนิ่ง ๆ หัวทิ่มตลอดไม่ยอมว่าย และที่สำคัญ น้ำเสียได้ง่าย!?

เนื่องจากปลาทองนั้นไม่มีกระเพาะอาหารจึงไม่มีการเก็บเอาไปย่อย การให้อาหารทีละน้อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ดี ถ้าให้อาหารมากเกินไป ปลากินไ่ม่หมด หรือกินได้ไม่ทั่ว เศษอาหารที่จมลงก้นบ่อจะเริ่มทำให้น้ำสกปรกได้ง่าย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ สำหรับผู้เลี้ยงโดยทั่วกัน เพราะเมื่อให้อาหารมากจนเกินไป การย่อยสลายเริ่มเลวลง อาการเจ็บป่าวยด้วยโรคต่าง ๆ เริ่มตามมา อย่างที่เห็นได้ชัดก็เห็นจะเป็นช่วงหน้าหนาว แต่ถ้าเลี้ยงในห้องที่มีอุณหภูมิสูงพวกปลาทองก็จะดูแข็งแรงดี แต่ก็เคยมีในกรณีที่ตอนกลางวันดูท่าพวกปลาทองจะแข็งแรงดี ก็เลยให้อาหารมากเิกินไป พอตกค่ำลงปาทองที่น่ารักก็พากันป่วย เพราะอากาศเย็นลงก็มีนะครับ

ปัจจุบันการติดตั้งเครื่องปรับทำความอุ่นให้กับตู้เลี้ยงเริ่มมีมากขึ้นปัญหาในเรื่องอุณหภูมิจึงน้อยลง แต่หากการเลี้ยงดูก็ยังจำเป็นจะต้องหมั่นสังเกตและขาดการดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ได้

ข้อที่ 3 ระวังเรื่องคุณภาพของน้ำที่แย่ลง

หากวันดีคืนดีพบว่าปลาทองของคุณมีลีลาการว่ายที่ผิดปกติไป ก่อนอื่นให้รีบสำรวจดูว่าน้ำที่ใช้เลี้ยงมีอะไรที่ผิดปกติไปหรือเปล่า หากตรวจพบว่าน้ำที่ใช้เลี้ยงนั้นเริ่มมีสภาพที่แย่ลงก็ขอให้รีบเปลี่ยนโดยทันที สภาพน้ำที่เริ่มแย่ลงนั้น สืบเนื่องได้หลายสาเหตุ

เราควรจะเปลี่ยนน้ำใหม่เมื่อเจอกับสภาพน้ำ ดังนี้

น้ำที่ขุ่นขาวดูไม่ใส
เกิดฟองขาวขึ้น ไม่ยอมแตกหายไป
บรรดาปลาทั้งหลายพร้อมใจกันลอยเชิดจมูกอยู่บนผิวน้ำ
น้ำเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นอย่างกระทันหัน อาจเพราะแบคทีเรีย หรือกรดแอมโมเนียในน้ำสูงเกินไป

นอกเหนือจากนี้แล้วอาจมีสาเหตุอื่น ๆ อีกหลายประการด้วยกัน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคภัยที่จะตามมา ขอแนะนำให้ผู้เลี้ยงติดตามดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูปลาของท่านอย่างใกล้ชิด ก็จะลดโอกาสเสี่ยงต่อการสูญเสียปลาทองอันเป็นที่รักของท่านได้ครับ

<<Home>> <<ปลาปอมปาดัวร์>> <<ปลาCrossBreed>> <<ปลากัด>>